จีนเปิดรถไฟความเร็วสูงวิ่งบริการระหว่างเมืองสำคัญเซี่ยงไฮ-หางโจวเมื่อ เช้าวันอังคาร ( 26 ต.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งรถไฟความเร็วสูงสายนี้ถือได้ว่าเป็นหลักไมล์สำคัญล่าสุดของจีนตามแผนการ สร้างเครือข่ายไฮสปีดเทรนที่มีความเร็วสูงสุดของโลก
รถไฟหัวกระสุนความ เร็วสูงทั้งสองขบวนขับเคลื่อนด้วยระบบ CRH380A ของจีนออกเดินทางจากสถานีหงเฉียว (Hongqiao Station ) ในเซี่ยงไฮและสถานีหางโจว ( Hangzhou Station ) พร้อมๆกัน เมื่อเวลา 9:00 a.m. ของวันอังคารที่ผ่านมา รถไฟทั้งสองขบวนวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ยที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้การเดินทางระหว่างเมืองทั้งสองใช้เวลาราว 45 นาที จาก ลดลงจากการเดินทางโดยรถไฟธรรมดาที่ใช้เวลานานถึง 78 นาที
หลังใช้เวลาในการก่อ สร้างมาเวลานาน 20 เดือน เส้นทางรถไฟความเร็วสูงล่าสุดของจีนซึ่งมีระยะทางยาว 202 กิโลเมตรนี้ไม่เพียงจะทำให้การเดินทางระหว่างนครเซี่ยงไฮ เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของจีน กับเมืองหางโจว เมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีนเป็นไปด้วยความสะดวกและรวดเร็ว เท่านั้น แต่ทางรถไฟสายนี้ยังช่วยขยาย เครื่อข่ายรถไฟความเร็วสูงที่เปิดให้บริการแก่สาธารณชนแล้วในประเทศจีนให้มี ความยาวเพิ่มมากขึ้นเป็นระยะทางรวมถึง 7,431กิโลเมตรแล้ว ณ ขณะนี้
เมื่อต้นเดือนกันยายน ก่อนหน้านี้ รถไฟความเร็วสูงเซี่ยงไฮ-หางโจวสายนี้ ยังได้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ชาวโลกมาแล้ว เมื่อรถขบวนทดสอบสามารถวิ่งด้วยความเร็วถึง 416.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำลายสถิติความเร็วของรถไฮสปีดเทรนของโลกด้วย
หลิว จีจุน รัฐมนตรีการรถไฟ กล่าวในงานพิธีเปิดทางรถไฟความเร็วสูงเซี่ยงไฮ-หางโจว ว่า รถไฟสายนี้จะช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านปัญหาการจราจรที่แออัดในภูมิภาคสาม เหลี่ยมแม่น้ำยั่งจื้อลงไปได้ และไม่เพียงแต่จะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและปัจเจกชนเท่านั้น แต่ยังจะช่วยในการบูรณาการภูมิภาคสามเหลี่ยมแม่น้ำยั่งจื้อเข้ากับภูมิภาค อื่นๆ ของจีนด้วย
กระทรวงรถไฟ ( Ministry of Railways หรือ MOR ) ของจีน คาดการณ์ว่า ในปี 2010 นี้ จะมีผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกในภูมิภาคนี้จำนวน 3,050 ล้านเที่ยว และจะเพิ่มจำนวนเป็น 5,500 ล้านเที่ยวในปี 2020
สำหรับราคาตั๋วรถไฟ ความเร็วสูงสายเซี่ยงไฮ-หางโจว ซึ่งมีสถานีแวะจอดทั้งหมด 9 แห่ง ชั้นเฟิร์สคลาสราคา 156 หยวน ( ประมาณ 23.4 ดอลลาร์สหรัฐ ) ส่วนชั้นสองอยู่ที่ 98 หยวน ( ประมาณ 14.7 ดอลลาร์สหรัฐ )
จีนเปิดบริการรถไฟ ความเร็วสูงสายแรกของประเทศ ซึ่งวิ่งให้บริการระหว่างปักกิ่งเมืองหลวงของจีนกับเมืองท่าสำคัญเทียนจินใน ช่วงเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันปักกิ่งโอลิมปิกส์ ในปี 2008 จากนั้นก็ทะยอยเปิดบริการเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเพิ่มขึ้นอีกหลายสาย คือ สายวูฮัน-กวางโจว เชื่อมภาคกลางเข้ากับภาคใต้ของจีน ,สายเชิ้นโจว-เซี่ยอาน เชื่อมภาคกลางเข้ากับภาคตะวันตกของจีนเข้าด้วยกัน และสายเซี่ยงไฮ-หนานจิง ในภาคตะวันออกของประเทศ
หลังใช้เวลาในการก่อ สร้างมาเวลานาน 20 เดือน เส้นทางรถไฟความเร็วสูงล่าสุดของจีนซึ่งมีระยะทางยาว 202 กิโลเมตรนี้ไม่เพียงจะทำให้การเดินทางระหว่างนครเซี่ยงไฮ เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของจีน กับเมืองหางโจว เมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีนเป็นไปด้วยความสะดวกและรวดเร็ว เท่านั้น แต่ทางรถไฟสายนี้ยังช่วยขยาย เครื่อข่ายรถไฟความเร็วสูงที่เปิดให้บริการแก่สาธารณชนแล้วในประเทศจีนให้มี ความยาวเพิ่มมากขึ้นเป็นระยะทางรวมถึง 7,431กิโลเมตรแล้ว ณ ขณะนี้
เมื่อต้นเดือนกันยายน ก่อนหน้านี้ รถไฟความเร็วสูงเซี่ยงไฮ-หางโจวสายนี้ ยังได้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ชาวโลกมาแล้ว เมื่อรถขบวนทดสอบสามารถวิ่งด้วยความเร็วถึง 416.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำลายสถิติความเร็วของรถไฮสปีดเทรนของโลกด้วย
หลิว จีจุน รัฐมนตรีการรถไฟ กล่าวในงานพิธีเปิดทางรถไฟความเร็วสูงเซี่ยงไฮ-หางโจว ว่า รถไฟสายนี้จะช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านปัญหาการจราจรที่แออัดในภูมิภาคสาม เหลี่ยมแม่น้ำยั่งจื้อลงไปได้ และไม่เพียงแต่จะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและปัจเจกชนเท่านั้น แต่ยังจะช่วยในการบูรณาการภูมิภาคสามเหลี่ยมแม่น้ำยั่งจื้อเข้ากับภูมิภาค อื่นๆ ของจีนด้วย
กระทรวงรถไฟ ( Ministry of Railways หรือ MOR ) ของจีน คาดการณ์ว่า ในปี 2010 นี้ จะมีผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกในภูมิภาคนี้จำนวน 3,050 ล้านเที่ยว และจะเพิ่มจำนวนเป็น 5,500 ล้านเที่ยวในปี 2020
สำหรับราคาตั๋วรถไฟ ความเร็วสูงสายเซี่ยงไฮ-หางโจว ซึ่งมีสถานีแวะจอดทั้งหมด 9 แห่ง ชั้นเฟิร์สคลาสราคา 156 หยวน ( ประมาณ 23.4 ดอลลาร์สหรัฐ ) ส่วนชั้นสองอยู่ที่ 98 หยวน ( ประมาณ 14.7 ดอลลาร์สหรัฐ )
จีนเปิดบริการรถไฟ ความเร็วสูงสายแรกของประเทศ ซึ่งวิ่งให้บริการระหว่างปักกิ่งเมืองหลวงของจีนกับเมืองท่าสำคัญเทียนจินใน ช่วงเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันปักกิ่งโอลิมปิกส์ ในปี 2008 จากนั้นก็ทะยอยเปิดบริการเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเพิ่มขึ้นอีกหลายสาย คือ สายวูฮัน-กวางโจว เชื่อมภาคกลางเข้ากับภาคใต้ของจีน ,สายเชิ้นโจว-เซี่ยอาน เชื่อมภาคกลางเข้ากับภาคตะวันตกของจีนเข้าด้วยกัน และสายเซี่ยงไฮ-หนานจิง ในภาคตะวันออกของประเทศ
การขยายเครื่อข่ายรถ ไฟไฮสปีดอย่างขมักเขม้นของจีนนี้ ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่จีนวาดฝันไว้ด้วย นั่นคือการก้าวไปจะเป็นประเทศที่มีเครือข่ายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่ยาว ที่สุดในโลก สถิติของทางการจีนระบุว่า ภายในปี 2012 เครือข่ายระบบรางของจีนจะมีความยาวทั้งหมด 110,000 กิโลเมตร และ 13,000 กิโลเมตรจะเป็นเส้นทางรถไฟความเร็วสูง
เครือข่ายเส้นทางรถไฟ ความเร็วสูงที่โดดเด่นสำคัญที่สุดของจีนคือ ทางรถไฟยาว 1,318 กิโลเมตรเชื่อมระหว่างปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ มูลค่า 220,900 ล้านหยวน ( ประมาณ 33,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างในขณะนี้ และมีกำหนดเสร็จสมบูรณ์และจะเปิดให้บริการได้ในปี 2012 รถไฟความเร็วสูงสายนี้จะทำให้การเดินทางระหว่างเมืองที่สำคัญที่สุดของจีน สองเมืองลดลงกว่าครึ่งหนึ่งของเวลาเดินทางด้วยรถไฟธรรมดาในปัจจุบัน หรือใช้เวลาน้อยกว่า 5 ชั่วโมงเท่านั้น
เครือข่ายเส้นทางรถไฟ ความเร็วสูงที่โดดเด่นสำคัญที่สุดของจีนคือ ทางรถไฟยาว 1,318 กิโลเมตรเชื่อมระหว่างปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ มูลค่า 220,900 ล้านหยวน ( ประมาณ 33,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างในขณะนี้ และมีกำหนดเสร็จสมบูรณ์และจะเปิดให้บริการได้ในปี 2012 รถไฟความเร็วสูงสายนี้จะทำให้การเดินทางระหว่างเมืองที่สำคัญที่สุดของจีน สองเมืองลดลงกว่าครึ่งหนึ่งของเวลาเดินทางด้วยรถไฟธรรมดาในปัจจุบัน หรือใช้เวลาน้อยกว่า 5 ชั่วโมงเท่านั้น
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการพัฒนาเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงของจีนนั้น ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร ผอ. สคร. ณ นครเซี่ยงไฮ้ ได้เผยแพร่บทความเรื่อง "พัฒนาการรถไฟความเร็วสูงของจีน ... มาเร็ว มาแรง" ระบุว่า ตามแผนแม่บทการพัฒนาเส้นทางรถไฟของจีนนั้น รัฐบาลจีนวางเป้าหมายว่า ภายในปี 2563 หรือประมาณ 10 ปีจากนี้ไป โครงข่ายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในจีนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 กิโลเมตร เชื่อมโยงเมืองเอกของแต่ละมณฑลและเมืองที่มีจานวนประชากรมากกว่า 500,000 คนไว้ทั้งหมด ซึ่งเท่ากับว่าประมาณร้อยละ 90 ของจำนวนประชากรทั้งหมดของจีนจะสามารถใช้บริการรถไฟดังกล่าวได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ กระทรวงการรถไฟจีนยังให้ข้อมูลอีกว่า จีนจะเร่งสร้างโครงข่ายรถไฟอย่างแพร่หลาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ผู้โดยสารและสินค้าจะสามารถขนส่งได้อย่างเสรีและสะดวกโดยปราศจากอุปสรรค ตามแผนแม่บทการพัฒนารถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลจีนที่กำหนดไว้เมื่อปี 2547 ระบุว่า รถไฟความเร็วสูงของจีนจะมี 4 เส้นทาง “เหนือ-ใต้” และอีก 4 เส้นทาง “ตะวันออก-ตะวันตก”
เส้นทาง “เหนือ-ใต้” ทั้ง 4 ประกอบด้วย
1. เส้นทาง ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ เป็นระยะทางยาว 1,318 กิโลเมตร
2. เส้นทาง ปักกิ่ง-อู่ฮั่น-กวางโจว-เสิ่นเจิ้น (ฮ่องกง) ระยะทางยาว 2,350 กิโลเมตร
3. เส้นทาง ปักกิ่ง-เสิ่นหยาง-ฮาร์บิน เป็นระยะทางยาว 1,612 กิโลเมตร
4. เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-หังโจว-หนิงโปว-ฝูโจว-เสิ่นเจิ้น เป็นระยะทางยาว 1,650 กิโลเมตร
ขณะที่เส้นทาง “ตะวันออก-ตะวันตก” ประกอบด้วย
1. เส้นทาง ชิงเต่า-สือเจียจวง-ไท่หยวน เป็นระยะทางยาว 906 กิโลเมตร
2. เส้นทาง สูโจว-เจิ่นโจว-หลานโจว เป็นระยะทางยาว 1,346 กิโลเมตร
3. เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-หนานจิง-อู่ฮั่น-ฉงชิ่ง-เฉิงตู เป็นระยะทางยาว 1,922 กิโลเมตร
4. เส้นทางเซี่ยงไฮ้-หังโจว-หนานชาง-ฉางซา-คุนหมิง เป็นระยะทางยาว 2,264 กิโลเมตร
นอกจากเส้นทางเชื่อม 4 ทิศหลักนี้แล้ว รัฐบาลจีนยังมีแผนพัฒนารถไฟความเร็วสูงระหว่างเมืองรองในแต่ละมณฑลและมหานครด้วย อาทิ ย่านริมฝั่งทะเลโป๋วไฮ่ ลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง ฉงชิ่ง และเฉิงตู แถมล่าสุดเมื่อปลายปี 2552 รัฐบาลจีนยังได้ประกาศที่จะทุ่มเงินก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงผ่านอุโมงค์ใต้ทะเลระยะทางยาวกว่า 55 กิโลเมตรเชื่อมระหว่างมณฑลฝูเจี้ยน-เมืองทางตอนเหนือของเกาะไต้หวันอีกด้วย ซึ่งจะทำลายสถิติเป็นอุโมงค์ใต้ทะเลที่ยาวที่สุดในโลกอีกครั้ง เส้นทางย่อยที่วางแผนไว้เหล่านี้จะเชื่อมโยงไปยังเส้นทางรถไฟความเร็วสูง 8 เส้นทางหลักดังกล่าว
เส้นทางรถไฟความเร็วสูงของจีนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
- ฮาร์บิน-ต้าเหลียน เพื่อเชื่อมฮาร์บิน-เสิ่นหยาง และต้าเหลียนในอีสานจีน ระยะทาง 950 กิโลเมตร ความเร็วระหว่าง 300-350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2556
- ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ เพื่อเชื่อมมหานครทั้งสอง ผ่านจี่หนาน ซูโจว และหนานจิง ระยะทาง 1,318 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2554
- ปักกิ่ง-กวางโจว เพื่อเชื่อมกรุงปักกิ่งและกวางโจว ศูนย์กลางทางตอนใต้ของจีน ผ่านสือเจียจวง อู่ฮั่น และฉางซา ระยะทาง 2,200 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เส้นทางรถไฟท่อนกวางโจว-อู่ฮั่นได้เปิดให้บริการแล้ว และส่วนที่เหลือคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2555
- เซี่ยงไฮ้-เซินเจิ้น เพื่อเชื่อมเมืองสาคัญริมชายฝั่งทะเลด้านซีกตะวันออกของจีน จากศูนย์กลางทางธุรกิจในด้านซีกตะวันออก ผ่านหังโจว หนิงโปว ฝูโจว อู่ฮั่น ก่อนเข้าเซินเจิ้น ระยะทาง 1,650 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2554
- ชิงเต่า-ไท่หยวน เพื่อเชื่อมพื้นที่ด้านซีกตะวันออกและภาคเหนือ โดยผ่านสือเจียจวง ระยะทาง 770 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เส้นทางรถไฟท่อนสือเจียจวง-ไท่หยวนและชิงเต่า-จี่หนานได้เปิดให้บริการแล้ว และส่วนที่เหลือคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2563
- สูโจว-หลานโจว เพื่อเชื่อมสูโจว เจิ้งโจว ซีอาน และหลานโจว ระยะทาง 1,400 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เส้นทางรถไฟช่วงเจิ้งโจว-ซีอานได้เปิดให้บริการแล้ว และส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการดาเนินการ ทั้งนี้มิได้กาหนดช่วงเวลาที่โครงการจะแล้วเสร็จ
- เซี่ยงไฮ้-เฉิงตู เป็นเส้นทางรถไฟควมเร็วสูงตามแนวแม่น้าแยงซีเกียง เชื่อมตะวันออกและตะวันตกจากเซี่ยงไฮ้ หนานจิง เหอเฝย อู่ฮั่น ฉงชิ่ง และเฉิงตู ระยะทางรวม 1,900 กิโลเมตร ความเร็วระหว่าง 200-350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2554
- เซี่ยงไฮ้-คุณหมิง โดยเชื่อมผ่านหังโจว หนานชาง และฉางซา ระระทางยาวถึง 2,264 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2558
ภายหลังจากที่การพัฒนาเส้นทางรถไฟความเร็วสูงดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ ผู้โดยสารรถไฟในจีนจะใช้เวลาเดินทางจากกรุงปักกิ่งไปยังเมืองสำคัญในแต่ละมณฑลของจีนได้ภายในเวลาไม่เกิน 8 ชั่วโมง!
เห็นข้อมูลและการพัฒนาระบบรางของจีนแล้วต้องยกนิ้วโป้งให้เลย เพราะเหมือนตาข่ายใยแมงมุม ถ้าเสร็จเรียบร้อย การเดินทาง ขนส่งโลจิสติกส์ภายในประเทศคงจะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น น่าอิจฉาจริงๆ แต่ถ้าหันมามองระบบบบรางในบ้านเราบ้างต้องถอนหายใจกันอีกหลายเฮือก
นอกจากนี้ กระทรวงการรถไฟจีนยังให้ข้อมูลอีกว่า จีนจะเร่งสร้างโครงข่ายรถไฟอย่างแพร่หลาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ผู้โดยสารและสินค้าจะสามารถขนส่งได้อย่างเสรีและสะดวกโดยปราศจากอุปสรรค ตามแผนแม่บทการพัฒนารถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลจีนที่กำหนดไว้เมื่อปี 2547 ระบุว่า รถไฟความเร็วสูงของจีนจะมี 4 เส้นทาง “เหนือ-ใต้” และอีก 4 เส้นทาง “ตะวันออก-ตะวันตก”
เส้นทาง “เหนือ-ใต้” ทั้ง 4 ประกอบด้วย
1. เส้นทาง ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ เป็นระยะทางยาว 1,318 กิโลเมตร
2. เส้นทาง ปักกิ่ง-อู่ฮั่น-กวางโจว-เสิ่นเจิ้น (ฮ่องกง) ระยะทางยาว 2,350 กิโลเมตร
3. เส้นทาง ปักกิ่ง-เสิ่นหยาง-ฮาร์บิน เป็นระยะทางยาว 1,612 กิโลเมตร
4. เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-หังโจว-หนิงโปว-ฝูโจว-เสิ่นเจิ้น เป็นระยะทางยาว 1,650 กิโลเมตร
ขณะที่เส้นทาง “ตะวันออก-ตะวันตก” ประกอบด้วย
1. เส้นทาง ชิงเต่า-สือเจียจวง-ไท่หยวน เป็นระยะทางยาว 906 กิโลเมตร
2. เส้นทาง สูโจว-เจิ่นโจว-หลานโจว เป็นระยะทางยาว 1,346 กิโลเมตร
3. เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-หนานจิง-อู่ฮั่น-ฉงชิ่ง-เฉิงตู เป็นระยะทางยาว 1,922 กิโลเมตร
4. เส้นทางเซี่ยงไฮ้-หังโจว-หนานชาง-ฉางซา-คุนหมิง เป็นระยะทางยาว 2,264 กิโลเมตร
นอกจากเส้นทางเชื่อม 4 ทิศหลักนี้แล้ว รัฐบาลจีนยังมีแผนพัฒนารถไฟความเร็วสูงระหว่างเมืองรองในแต่ละมณฑลและมหานครด้วย อาทิ ย่านริมฝั่งทะเลโป๋วไฮ่ ลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง ฉงชิ่ง และเฉิงตู แถมล่าสุดเมื่อปลายปี 2552 รัฐบาลจีนยังได้ประกาศที่จะทุ่มเงินก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงผ่านอุโมงค์ใต้ทะเลระยะทางยาวกว่า 55 กิโลเมตรเชื่อมระหว่างมณฑลฝูเจี้ยน-เมืองทางตอนเหนือของเกาะไต้หวันอีกด้วย ซึ่งจะทำลายสถิติเป็นอุโมงค์ใต้ทะเลที่ยาวที่สุดในโลกอีกครั้ง เส้นทางย่อยที่วางแผนไว้เหล่านี้จะเชื่อมโยงไปยังเส้นทางรถไฟความเร็วสูง 8 เส้นทางหลักดังกล่าว
เส้นทางรถไฟความเร็วสูงของจีนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
- ฮาร์บิน-ต้าเหลียน เพื่อเชื่อมฮาร์บิน-เสิ่นหยาง และต้าเหลียนในอีสานจีน ระยะทาง 950 กิโลเมตร ความเร็วระหว่าง 300-350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2556
- ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ เพื่อเชื่อมมหานครทั้งสอง ผ่านจี่หนาน ซูโจว และหนานจิง ระยะทาง 1,318 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2554
- ปักกิ่ง-กวางโจว เพื่อเชื่อมกรุงปักกิ่งและกวางโจว ศูนย์กลางทางตอนใต้ของจีน ผ่านสือเจียจวง อู่ฮั่น และฉางซา ระยะทาง 2,200 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เส้นทางรถไฟท่อนกวางโจว-อู่ฮั่นได้เปิดให้บริการแล้ว และส่วนที่เหลือคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2555
- เซี่ยงไฮ้-เซินเจิ้น เพื่อเชื่อมเมืองสาคัญริมชายฝั่งทะเลด้านซีกตะวันออกของจีน จากศูนย์กลางทางธุรกิจในด้านซีกตะวันออก ผ่านหังโจว หนิงโปว ฝูโจว อู่ฮั่น ก่อนเข้าเซินเจิ้น ระยะทาง 1,650 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2554
- ชิงเต่า-ไท่หยวน เพื่อเชื่อมพื้นที่ด้านซีกตะวันออกและภาคเหนือ โดยผ่านสือเจียจวง ระยะทาง 770 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เส้นทางรถไฟท่อนสือเจียจวง-ไท่หยวนและชิงเต่า-จี่หนานได้เปิดให้บริการแล้ว และส่วนที่เหลือคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2563
- สูโจว-หลานโจว เพื่อเชื่อมสูโจว เจิ้งโจว ซีอาน และหลานโจว ระยะทาง 1,400 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เส้นทางรถไฟช่วงเจิ้งโจว-ซีอานได้เปิดให้บริการแล้ว และส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการดาเนินการ ทั้งนี้มิได้กาหนดช่วงเวลาที่โครงการจะแล้วเสร็จ
- เซี่ยงไฮ้-เฉิงตู เป็นเส้นทางรถไฟควมเร็วสูงตามแนวแม่น้าแยงซีเกียง เชื่อมตะวันออกและตะวันตกจากเซี่ยงไฮ้ หนานจิง เหอเฝย อู่ฮั่น ฉงชิ่ง และเฉิงตู ระยะทางรวม 1,900 กิโลเมตร ความเร็วระหว่าง 200-350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2554
- เซี่ยงไฮ้-คุณหมิง โดยเชื่อมผ่านหังโจว หนานชาง และฉางซา ระระทางยาวถึง 2,264 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2558
ภายหลังจากที่การพัฒนาเส้นทางรถไฟความเร็วสูงดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ ผู้โดยสารรถไฟในจีนจะใช้เวลาเดินทางจากกรุงปักกิ่งไปยังเมืองสำคัญในแต่ละมณฑลของจีนได้ภายในเวลาไม่เกิน 8 ชั่วโมง!
เห็นข้อมูลและการพัฒนาระบบรางของจีนแล้วต้องยกนิ้วโป้งให้เลย เพราะเหมือนตาข่ายใยแมงมุม ถ้าเสร็จเรียบร้อย การเดินทาง ขนส่งโลจิสติกส์ภายในประเทศคงจะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น น่าอิจฉาจริงๆ แต่ถ้าหันมามองระบบบบรางในบ้านเราบ้างต้องถอนหายใจกันอีกหลายเฮือก
อย่างไรก็ตาม ขณะที่โครงการรถไฟ ความเร็วสูงของจีนก้าวรุดหน้าอย่างรวดเร็วนั้น ล่าสุด ในเมืองไทยเราก็มีความพยายามที่จะผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงเหมือนกัน โดยเมื่อวันอังคาร (26 ต.ค.) ที่ผ่านมาที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติ เห็นชอบ 295 เสียง ต่อ 10 เสียง เห็นชอบร่างกรอบเจรจาความร่วมมือด้านการพัฒนากิจการรถไฟระหว่างราชอาณาจักร ไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน (ครม.เป็นผู้เสนอ) ตามกรอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ซึ่งมีการพิจารณาตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยจะร่วมมือกันพัฒนาการก่อสร้างทาง การเดินรถไฟและการบริหารจัดการกิจการรถไฟความเร็วสูงใน 5 เส้นทางหลัก ประกอบด้วย เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย, กรุงเทพฯ-ระยอง, กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ ,กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี และกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
ก็ต้องจับตาดูและลุ้นกันต่อไปล่ะว่าโครงการเหล่านี้ของไทยจะมีโอกาสเป็นจริงได้อย่างรวดเร็วเหมือนจีนเขาหรือป่าว !
ก็ต้องจับตาดูและลุ้นกันต่อไปล่ะว่าโครงการเหล่านี้ของไทยจะมีโอกาสเป็นจริงได้อย่างรวดเร็วเหมือนจีนเขาหรือป่าว !
没有评论:
发表评论